วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2558

กรีนการ์ด (Green Card) คือคำตอบในการอยู่อเมริกา



มีหลายคนพอนึกถึงอนาคตทำงาน ก็นึกถึงที่อเมริกา เพราะส่วนใหญ่คิดว่าการทำงานและอยู่ที่อเมริกาทำให้ชีวิตที่ดีกว่า ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน การอยู่เมืองไทยก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน ต่างกันที่สภาพแวดล้อม สภาพสังคม และวัฒนธรรม จึงไม่สามารถฟันธงได้ว่าอยู่ที่ไหนดีกว่ากัน เอาที่มุมมองของแต่ละคน สบายใจที่ไหนก็อยู่ที่นั้น  หากเปรียบเทียบในด้านเศรษฐกิจ ก็คงไม่มีใครคัดค้านว่าทำงานที่อเมริกาได้เงินมากกว่า ค่าครองชีพสูงกว่าก็จริง แต่ค่าครองชีพในอเมริกาแปรผันตามรายได้และสมดุล ทำให้แตกต่างจากเศรษฐกิจไทย  จึงมีคนไทยหลายคนต้องการไปทำงานและอาศัยอยูในอเมริกา

อเมริกาเป็นประเทศมหาอำนาจและประชาธิปไตย ทำให้มีการบังคับใช้กฏหมายกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน นโยบายของกระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงแรงงานก็ชัดเจนมาก หากเราจะไปทำงาน ก็ควรไปอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ไม่ใช่โรบินฮูด (แอบทำงานและอยู่ที่นั้น) คือ การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย และจะเป็นพลเมืองชั้น 3 ไม่มีสิทธิ์ ไม่ได้รับการคุ้มครองใดๆ เหมือนแรงงานต่างด้าวแอบมาทำงานในไทยฉันใด ก็ฉันนั้น  ทำงานแบบหลบๆ ซ่อน ๆ เลือกได้เพียงสถานที่ทำงานของคนไทย โดนคนไทยกดขี่กันเองเรื่องค่าจ้าง เพราะไม่มีทางเลือก แต่ไม่มีทางเลือกจริงหรอ?

อันดับ 1 วีซ่าท่องเที่ยว ที่ไปแล้วโดนทำงานเป็นโรบินฮูด ทำให้ตอนขอวีซ่าท่องเที่ยวของคนไทย สถานฑูตจะเข้มมาก บางคนบอกว่าได้วีซ่าท่องเที่ยว 10 ปี แล้วบินไปอเมริกา 4-6 เดือน โดยแอบทำงานด้วย ขณะถือวีซ่าท่องเที่ยว แล้วบินกลับมาที่ไทยพักสัก 2-3 เดือนแล้วบินกลับไปใหม่  ผมอยากจะบอกว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศแรกที่เมื่อคุณขอวีซ่าและได้วีซ่า เป็นเพียงใบผ่านขึ้นเครื่องไปถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองเท่านั้น  การอนุญาตให้เข้าเมืองหรือไม่ ขึ้นอยู่ดุลยพินิจของเจ้าหน้าตรวจคนเข้าเมือง  จึงไม่ต้องแปลกใจว่าหลายคนเจอปัญหา เมื่อบินไปถึงแล้วเจ้าหน้าตรวจคนเข้าเมืองปฏิเสธ แล้วให้บินกลับประเทศทันที เจ้าหน้าที่เค้ารู้ทัน ยิ่งคนไทยโดนเยอะ เจ้าหน้าที่ก็ยิ่งตรวจเข้มข้น

อันดับ 2 วีซ่านักเรียน ที่ลงทะเบียนไปเรียน หาสถาบันที่ถูก ๆ แล้วลงเรียน แต่แอบแฝงโดยการไปทำงานด้วย ในวีซ่าประเภทนี้จะตรวจสอบยากเหมือนกันว่ามีจุดประวงค์ไปแอบทำงานไหม ทำให้ตอนขอวีซ่า สถานฑูตจะดูรายละเอียดปลีกย่อยเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะให้ผ่านหรือไม่ จึงส่งผลต่อคนที่จะไปเรียนจริง ๆ แต่สถานฑูตไม่เชื่อก็โดนปฏิเสธ  ส่วนคนที่ตั้งใจไปแอบทำงานและเรียน กลับผ่านวีซ่า บางทีโลกเบี้ยวๆ ก็ไม่มีอะไรแน่นอนกับการตัดสินใจ เดาใจยาก ถ้าเราเข้าใจวิธีการดำเนินการเอกสาร และตอบคำถามที่ถูกต้องก็ทำให้โอกาสผ่านเรามากขึ้นไปด้วย อีกทั้งสถาบันที่ลงเรียนก็เป็นส่วนสำคัญ ถามว่า งั้นเราไปวีซ่านักเรียนและแอบทำงานก็ดีกว่า ตอบให้ถูกต้อง คือ วีซ่านักเรียนไม่อนุญาตให้ทำงาน ถ้าทำงานก็ผิดกฏหมาย แต่หากเรียนมหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมีหนังสืออนุญาตถึงจะทำงานได้

แล้วทำไง มีวีซ่าไหนที่ทำงานได้ถูกต้องบ้างละ? วีซ่าที่ทำงานได้ เช่น J-1 Summer Work/Travel โครงการทำงานและท่องเที่ยว สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยในช่วงปิดเทอม, J-1 Internship/J-1 Trainee โครงการฝึกงานตามสาขาที่เรียนมาระยะเวลา 12-18 เดือน, Work Permit เป็นวีซ่าทำงาน H2A, H2B ช่วง High Season ของนายจ้างประมาณ 4-8 เดือน จริงๆ เรามีทางเลือกหลากหลาย หากจะไปทำงานและกลับมาไทยตามโครงการและวีซ่าประเภทที่อนุญาตให้ทำงานได้ถูกต้องตามกฏหมาย แต่เกณฑ์ของแต่ละโครงการก็แตกต่างกันไป พร้อมคุณสมบัติที่ทำให้หลายคนไม่ผ่านเกณฑ์ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ แล้วจะให้ทำอย่างไร? คำตอบ คือ กรีนการ์ด เป็นคำตอบที่ดีที่สุด และหลายคนอยากได้กรีนการ์ดและย้ายไปอยู่ที่อเมริกาให้ถูกต้องตามกฏหมาย ในชุมชนคนไทยในอเมริกา คนที่ได้กรีนการ์ดจะมีศักดิ์ศรีมากๆ และโชว์บ่อย ๆ ก็ถือเป็นความภูมิใจ ไม่ต้องโดนใครข่มโดยไม่มีทางเลือก และจริง ๆ การได้กรีนการ์ด ก็ได้รับสิทธิ์เทียบเท่ากับพลเมืองอเมริกัน ผมเชื่อว่าหลายคนที่สนใจเรื่อง กรีนการ์ด ศึกษาหาข้อมูลกันมาพอสมควร จริงๆ กรีนการ์ดคืออะไรกันแน่?

กรีนการ์ด หมายถึงบัตรประจำตัวผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรอย่างถูกกฎหมายในสหรัฐฯ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ กรีนการ์ดแบบมีเงื่อนไข (Conditional Green Card) มีอายุ 2 ปี และกรีนการ์ดแบบถาวรที่ต้องต่ออายุทุก ๆ 10 ปีโดยผู้ถือกรีนการ์ดทั้งสองแบบนั้นต่างมีสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบเท่า ๆ กัน  ความแตกต่างระหว่างกรีนการ์ดทั้งสองแบบมีเพียงเล็กน้อย คือ กรีนการ์ดแบบมีเงื่อนไข จะหมดอายุภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ได้รับสิทธิตั้งถิ่นฐานถาวรในสหรัฐฯ ซึ่งเขาทั้งหลายเหล่านั้นต้องยื่นเรื่องเพื่อถอดถอนเงื่อนไขนั้นออกไป  ผู้ที่จะได้รับกรีนการ์ดแบบมีเงื่อนไข ได้แก่ ผู้ที่ขอมีสิทธิอยู่อาศัยถาวรโดยการสมรสกับพลเมืองสหรัฐฯ ซึ่งการสมรสนั้นยังมีอายุไม่ครบ 2 ปีในวันที่ได้รับสิทธิมีถิ่นที่อยู่อย่างถาวรนั้น รวมทั้งผู้ที่ได้รับสิทธิมีถิ่นที่อยู่จากการลงทุนเพื่อการสร้างงานในสหรัฐฯ  ซึ่งการขอกรีนการ์ด สามารถทำได้ 4 เส้นทางที่เหมาะสมกับคนไทยและสถานฑูตในไทยรับรอง คือ การแต่งงานกับพลเมืองอเมริกัน, การขอตั้งถิ่นฐานโดยผ่านทางสายสัมพันธ์ทางครอบครัว (Immigration through a Family Member), การขอตั้งถิ่นฐานโดยผ่านทางการจ้างงาน (Immigration through Employment), การขอตั้งถิ่นฐานโดยผ่านทางโครงการเสี่ยงโชคกรีนการ์ด (Immigration through the Diversity Lottery), การขอตั้งถิ่นฐานโดยผ่านการลงทุน (Immigration through Investment)  แต่กรีนการ์ดที่คนไทยยื่นขอกันมากที่สุด คือ ผ่านทางสายสัมพันธ์ทางครอบครัว ใช้เวลานานมากประมาณ 5-10 ปี และ การแต่งงานกับพลเมืองอเมริกัน แต่ก็สิทธิ์โดนถอดถอนสิทธิ์ได้หากพบว่าไม่ได้แต่งงานมีครอบครัวเพราะความรักจริง แต่เป็นเพียงฉากบังหน้าในการยื่นขอกรีนการ์ด  ส่วน กรีนการ์ดลอตเตอรี่ หลายคนคงได้ลองและเสี่ยงดวงซึ่งมีจำนวนจำกัดแต่ละปี ซึ่งคนไทยได้เฉลี่ยปีละ 130 คน คนร่วมเสี่ยงดวงหลายล้านคน ขึ้นอยู่กับโชคแล้ว การลงทุนก็ไม่ค่อยมีคนไทยขอผ่านเส้นทางนี้เท่าไหร่ เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก

อีกเส้นทางที่คนไทยไม่ค่อยยื่นกัน คือ ผ่านการจ้างงาน เพราะไม่ใช่ง่ายที่จะได้กรีนการ์ดแบบนี้ ปีที่แล้วมีคน 4 คนที่ได้กรีนการ์ดแบบนี้ ซึ่งได้กรีนการ์ดถาวร 10 ปี และต่ออายุได้ตลอด หรือ สอบเป็นพลเมืองอเมริกันได้เมื่อถือครบ 5 ปี  แล้วทางเลือกแบบนี้คนไทยไม่ทำ  ก็คงเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ดำเนินการอย่างไร เพราะนายจ้างที่จะจ้างต้องผ่านเกณฑ์ของกระทรวงแรงงานของอเมริกาเท่านั้น ซึ่งหายากมาก บางคนยังไม่รู้ว่า กรีนการ์ด ประเภทผ่านการจ้างงาน ใช้เวลาดำเนินการประมาณ 12-18 เดือนเท่านั้น และยังได้วีซ่าย้ายถิ่นฐานถาวร (immigration visa) จากสถานฑูตอเมริกาที่ไทยก่อนเดินทาง เมื่อเดินทางไปถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองจะเปลี่ยนให้บัตรกรีนการ์ดกับเราทันที ไม่ต้องไปนั่งรอลุ้นระหว่างอยู่อเมริกา เพราะทุกขั้นตอนได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนไป  จะไปทั้งครอบครัว หรือ ไปคนเดียว ก็ทำได้ และได้กรีนการ์ดครบทุกคน และที่สำคัญมีงานที่รับรองให้ทำอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ไปถึงมีงานทำทันที ถ้าถามว่ากรีนการ์ดแบบไหนดีกว่ากัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า กรีนการ์ดแบบผ่านการจ้างงาน ดีกว่าและเหมาะกับคนไทยที่ต้องการไปทำงานอาศัยอยู่ในอเมริกาอย่างถูกต้องตามกฏหมายเฉกเช่นพลเมืองอเมริกัน  แล้วถ้าเป็นคุณ จะเลือกแบบไหน?

อยากเป็นพญาอินทรีย์ ก็ให้เป็นแบบพญาอินทรีย์ อย่าไปเป็นช้างในดงพญาอินทรีย์ เพราะถึงจะใหญ่แค่ไหน ก็ไม่มีความหมายเลย”

By
Thum Ideas

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น